IELTS/TOEIC เรียนที่เซบู vs เรียนที่ไทย แตกต่างกันยังไง?
สวัสดีจ้าา~ พี่แมงโก้มาแล้วจ้ะ วันนี้มาเล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบ IELTS/TOEIC ให้ฟังกัน เอาจริงๆ นะ หลายคนคงสงสัยว่าไปเรียนที่เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ กับเรียนที่ไทยแล้วมันต่างกันยังไง วันนี้พี่จะมาบอกทุกอย่างแบบละเอียดเลยค่ะ
ความแตกต่างหลักๆ ที่ต้องรู้
รูปแบบการเรียนการสอน
เรียนที่เซบู:
- เน้นการสอนแบบตัวต่อตัว (One-on-One) เป็นหลัก
- คลาสกลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 4-8 คน
- สอนโดยครูชาวฟิลิปปินส์ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2
- ระยะเวลาเรียนแบบเข้มข้น 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- มีคลาสเสริมตอนเย็นและกิจกรรมเสริมภาษา
เรียนที่ไทย:
- เน้นการสอนแบบกลุ่มใหญ่ 15-30 คน
- ครูส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่มีวุฒิและประสบการณ์สูง
- เรียนแบบพาร์ทไทม์ 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- มีตัวเลือกเรียนออนไลน์หลากหลาย
- สามารถเลือกเวลาเรียนได้ตามสะดวก
ค่าใช้จ่าย (เฉลี่ย 1 เดือน)
เรียนที่เซบู:
- ค่าเรียน: 35,000-55,000 บาท (รวมที่พัก + อาหาร 3 มื้อ)
- ค่าตั้วเครื่อง: 20,000-25,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: 5,000-10,000 บาท
- รวมทั้งหมด: 60,000-90,000 บาท
เรียนที่ไทย:
- ค่าเรียน: 8,000-25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสถาบัน)
- ค่าหนังสือ: 1,000-3,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายปกติ: ตามปกติ
- รวมทั้งหมด: 9,000-28,000 บาท
บรรยากาศการเรียน
เรียนที่เซบู:
- ได้ใช้ภาษาอังกฤษ 24/7 แบบจริงจัง
- ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนนานาชาติ (เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม ไต้หวัน)
- สภาพแวดล้อมที่บังคับให้พูดภาษาอังกฤษ
- มีกิจกรรมนอกห้องเรียนที่หลากหลาย
- ระบบ English Only Policy ในบางโรงเรียน
เรียนที่ไทย:
- ใช้ภาษาไทยเป็นหลักในชีวิตประจำวัน
- เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่เป็นคนไทย
- ต้องหาโอกาสฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
- ครูสามารถอธิบายด้วยภาษาไทยได้เมื่อไม่เข้าใจ
- เรียนแล้วกลับบ้านใช้ภาษาไทยตามปกติ
ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบ
🇵🇭 เรียนที่เซบู
ข้อดี:
- ได้ฝึกภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นและต่อเนื่อง
- ผลลัพธ์เร็ว โดยเฉพาะด้าน Speaking และ Listening
- ต้นทุนต่อชั่วโมงถูกกว่าเมื่อเทียบกับเรียนส่วนตัวในไทย
- ได้ประสบการณ์ชีวิตในต่างประเทศ
- มีโอกาสได้คะแนนสูงเร็วกว่า
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่า
- ต้องลาหยุดจากงาน/เรียน
- ไกลจากครอบครัว
- อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมเวลาเรียนเอง
- ครูฟิลิปปินส์อาจจะมีสำเนียงที่ต้องปรับตัว
🇹🇭 เรียนที่ไทย
ข้อดี:
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
- สะดวกในการเดินทาง
- สามารถทำงาน/เรียนควบคู่ได้
- ครูสามารถอธิบายภาษาไทยได้เมื่อไม่เข้าใจ
- มีตัวเลือกสถาบันและเวลาเรียนหลากหลาย
ข้อเสีย:
- ความเข้มข้นของการเรียนต่ำกว่า
- ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษน้อยกว่า
- ต้องมีวินัยในการเรียนด้วยตนเองมากกว่า
- อาจจะใช้เวลานานกว่าในการไปถึงเป้าหมาย
- แรงจูงใจในการเรียนอาจจะน้อยกว่า
ใครควรเลือกแบบไหน?
เหมาะกับการเรียนที่เซบู:
- คนที่มีเวลาและงบประมาณเพียงพอ
- ต้องการผลลัพธ์เร็ว (ภายใน 1-3 เดือน)
- ชอบท้าทายตัวเองและออกจาก comfort zone
- ต้องการปรับปรุงทักษะ Speaking-Listening เป็นหลัก
- มีเป้าหมายคะแนนสูง (IELTS 6.5+ หรือ TOEFL 80+)
เหมาะกับการเรียนที่ไทย:
- คนที่มีงบประมาณจำกัด
- ไม่สามารถลางานหรือหยุดเรียนได้
- ต้องการความยืดหยุ่นในการเรียน
- ชอบการเรียนที่มีโครงสร้างชัดเจน
- ต้องการความช่วยเหลือด้านไวยากรณ์และเทคนิคข้อสอบ
เทคนิคเลือกที่เหมาะกับตัวเอง
- ประเมินระดับภาษาอังกฤษปัจจุบัน – ถ้าพื้นฐานแข็งแรงแล้ว เซบูจะช่วยได้มาก
- กำหนดเป้าหมายคะแนน – คะแนนสูงๆ ควรพิจารณาเซบู
- ดูงบประมาณและเวลา – ถ้าจำกัดให้เลือกเรียนในไทย
- ประเมินบุคลิกตัวเอง – คนที่ชอบ intensive learning เหมาะกับเซบู
สรุปจากพี่แมงโก้
เรียนที่เซบู = Fast Track
- ใช้เงินเยอะ ได้ผลเร็ว
- เหมือนไปเข้าค่ายเข้มข้น
- เหมาะกับคนที่รีบ + มีงบ
เรียนที่ไทย = Slow & Steady
- ประหยัดกว่า ใช้เวลานานกว่า
- ต้องมีวินัยตัวเอง
- เหมาะกับคนที่มีเวลาและอยากประหยัด
สรุปจากพี่แมงโก้:
เฮ้ยยย! อ่านยาวมาก ขอสรุปให้ฟังแบบสั้นๆ กันเลยนะ ที่จริงแล้วทั้งสองแบบก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง เรียนที่เซบูเหมือนกับไปเข้าค่าย intensive ที่ได้ผลเร็วแต่ต้องลงทุนมากกว่า ส่วนเรียนที่ไทยเหมือนกับการวิ่งมาราธอน ใช้เวลานานกว่าแต่ประหยัดกว่า
สำคัญที่สุดคือการเลือกให้เหมาะกับตัวเอง ถ้าพร้อมทุกอย่างแล้วอยากได้ผลเร็วๆ ไปเซบูเลย แต่ถ้าต้องการความสะดวกและประหยัด เรียนในไทยก็ได้ผลดีเหมือนกัน ขอแค่ใส่ใจและขยันฝึกฝนก็พอแล้วจ้า
ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ความขยันยังคงเป็นกุญแจสำคัญ! ถ้าไม่ขยัน ไปเซบูก็ไม่ได้ผล ถ้าขยัน เรียนในไทยก็ไปได้ไกลเหมือนกัน
และน้องๆยังสามารถ ตามไปดูคลิปบรรยากาศการเรียนและชีวิตประจำวันของนักเรียนไทยในเซบูได้แบบครบ ๆ ได้ที่ TikTok: @MangoStudyCebu เลยค่ะ!